บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

มหาสีสยาดอ





ผมเผยแพร่ความคิดของในทางศาสนามาหลายปีแล้ว  ทั้งหนังสือ บล็อก เว็บ ฯลฯ รวมทั้งการเป็นวิทยากรสอนปฏิบัติธรรม

ในการเผยแพร่ความคิดในทางศาสนาของผมนั้น ผมชอบที่จะวิพากษ์วิจารณ์คำสอนที่ผิดไปจากพระไตรปิฎก แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่นับถือเจ้าสำนักในสายนั้นๆ คิดว่า คำสอนของอาจารย์ตนเองถูก คำสอนที่คนอื่นผิดหมด

ที่ผมวิพากษ์วิจารณ์หนักๆ ก็มี พระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์/พระเปลืองข้าวสุกประชาชน  เนื่องจากพระรูปนี้ ทำลายศาสนามากกว่าคำสอนใดๆ ในประเทศไทย 

พระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์/พระเปลืองข้าวสุกประชาชนรูปนี้ ไม่เชื่อว่านรกมี สวรรค์มี ปฏิเสธคำสอนที่เป็นแก่นของศาสนาพุทธ เช่น นิพพาน เป็นต้น

พระรูปนี้ ทำตัวเป็น “นักวิชาการ” คำสอนของท่านจึงถูกใจเหล่านักวิชาการทั้งหลาย เพราะ เข้ากับวิทยาศาสตร์ได้ดี 

การที่เอาวิทยาศาสตร์มาเป็น “ตัวชี้วัด” เนื้อหาของพระไตรปิฎก สิ่งที่ไม่เข้ากับวิทยาศาสตร์  พระรูปนี้จึง “ตีความ” ใหม่ให้ผิดเพี้ยนไปจากคำสอนที่ถูกต้อง

กลุ่มที่ผมวิพากษ์วิจารณ์หนักๆ อีกคณะหนึ่งก็คือ สาวกของพระมหาสีสยาดอ  สาวกของมหาสีสยาดอในเมืองไทยนั้น  ผมเห็นว่าที่โดดเด่น และที่ผมรู้จักมี 4 สำนักคือ
1) มหาโชดก
2) คุณสิริ กรินชัย
3) มหาอุบาสิกาแนบ มหาวีรานนท์
4) วัดท่ามะโอ (จังหวัดลำปาง)

มหาโชดกและคุณสิริ กรินชัยมีลักษณะที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ สอนสายยุบหนอพองหนอไปด้วย และโจมตีคำสอนของสายอื่นๆ ไปด้วย  สายวิชาธรรมกายโดน 2 คนนี้โจมตีมากที่สุด 

ด้วยโทษทัณฑ์ที่โจมตีสายวิชาธรรมกาย ทั้ง 2 ท่านนี้ ตายไปแล้ว จึงไปอบายภูมิทั้งคู่  มหาโชดกด้วยกรรมหนัก เพราะ โจมตีหลวงพ่อวัดปากน้ำ จึงโดนกรรมหนัก 

ส่วนคุณสิริ กรินชัยนั้น โจมตีเพราะความเชื่อว่า “สายของตนถูก”  ไม่ได้มีเจตนาอย่างเดียวกับมหาโชดก ถึงอยู่ในอบายภูมิท่านก็พอรับสภาพได้ และกรรมไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับมหาโชดก

มหาอุบาสิกาแนบ มหาวีรานนท์ มีความเชื่ออย่างแน่นแฟ้นว่า คำสอนของพระพม่าถูกต้อง ท่านก็เผยแพร่คำสอนของท่าน โดยไม่โจมตีคำสอนของสายใดๆ  ตายไปแล้ว ท่านก็ไปอยู่สวรรค์ชั้นที่ 1

วัดท่ามะโอ (จังหวัดลำปาง)  ผมหมายถึงบุคลากรของวัดนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคล  บุคลากรของวัดท่ามะโอผลิตเอกสารเกี่ยวกับคำสอนของพระพม่าไว้มาก ที่น่าสนใจก็คือ ท่านแปลคำสอนของมหาสีสยาดอตรงตามกับการปฏิบัติของท่าน

ขอยกตัวอย่าง ดังนี้

สติปัฏฐานสี่คืออะไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้

๑. ตามรู้ในกองรูปว่า เป็นกองรูปอยู่ มีความเพียรเผากิเลส มีปัญญาหยั่งเห็น มีสติ ข่มอภิชฌา และโทมนัสโนโลกอยู่

๒. ตามรู้ในเวทนาว่า เป็นเวทนาอยู่ มีความเพียรเผากิเลส มีปัญญาหยั่งเห็น มีสติ ข่มอภิชฌา และโทมนัสโนโลกอยู่

๓. ตามรู้ในจิตว่า เป็นจิตอยู่ มีความเพียรเผากิเลส มีปัญญาหยั่งเห็น มีสติ ข่มอภิชฌา และโทมนัสโนโลกอยู่

๔. ตามรู้ในสภาวธรรมว่า เป็นสภาวธรรมอยู่ มีความเพียรเผากิเลส มีปัญญาหยั่งเห็น มีสติ ข่มอภิชฌา และโทมนัสโนโลกอยู่

(ที่มา: พระมหาโสภณมหาเถระ (มหาสีสยาดอ) ๒๕๔๙. มหาสติปัฏฐานสูตร. แปลและเรียบเรียงโดย พระคันธสาราภิวงศ์. กรุงเทพมหานคร: หจก. ไทยรายวันการพิมพ์. หน้า 21)

โดยทั่วไปแล้ว พระไตรปิฏกแปลอย่างนี้

สติปัฏฐาน ๔ ประการ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑

พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑

พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑

พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะมีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑ ฯ

ขอยกส่วนสำคัญให้พิจารณากัน คือ ในขณะที่พระไตรปิฎกแปลว่า

พิจารณาเห็นกายในกาย
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา
พิจารณาเห็นจิตในจิต
พิจารณาเห็นธรรมในธรรม

พระคันธสาราภิวงศ์ แห่งวัดท่ามะโอ แปลว่า

ตามรู้ในกองรูปว่า เป็นกองรูปอยู่
ตามรู้ในเวทนาว่า เป็นเวทนาอยู่
ตามรู้ในจิตว่า เป็นจิตอยู่
ตามรู้ในสภาวธรรมว่า เป็นสภาวธรรมอยู่

การแปล “พิจารณาเห็นกายในกาย” หรือ “ตามเห็นกายในการ” เป็น “ตามรู้ในกองรูปว่า เป็นกองรูปอยู่” ของพระคันธสาราภิวงศ์ นั่นก็หมายความว่า ท่าน “ปฏิเสธการเห็นในการปฏิบัติธรรม”

นับเป็นความกล้าหาญของพระคันธสาราภิวงศ์ที่ “กล้า” จะแปลแบบนั้น คือ ไม่สนใจกับพระไตรปิฎกฉบับแปลภาษาไทยทั้งหมด 

พระอย่างนี้จึง “น่านับถือ” ไม่ใช่เป็น “คุณแอบ” อย่างพระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์/พระเปลืองข้าวสุกประชาชน ซึ่งไม่กล้าที่จะ “เขียน” อย่างนี้

การที่พระคันธสาราภิวงศ์แปลอย่างที่ท่าน “ปฏิบัติธรรม” กัน  จึงทำให้สะดวกในการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การปฏิบัติแบบ “ยุบหนอพองหนอ” ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่

ถ้าผิด ผิดอย่างไร  ถ้าถูก ถูกอย่างไร และถ้าถูก “ถูก” อยู่ในระดับไหน............



1 ความคิดเห็น: